ทำความรู้จัก 5 แก้วเบียร์ เพื่มอรรถรสในการดื่ม

ทำความรู้จัก 5 แก้วเบียร์ เพื่มอรรถรสในการดื่ม

มาเบียร์ให้ฟินกว่าเดิม! รู้จักแก้วเบียร์สุดปัง เสริมอรรถรสทุกหยด

เคยมั้ย เวลาไปร้านอาหารแล้ว พนักงานยกเบียร์เย็นฉ่ำมาเสิร์ฟ แต่ดันอยู่ในแก้วทรงแปลกตา จนแอบคิดในใจว่า “เอ๊ะ… แก้วแบบนี้ดื่มเบียร์อะไรนะ?” รู้หรือไม่ครับว่า จริงๆ แล้วแก้วเบียร์ไม่ได้มีแค่ทรงเดียวเท่านั้น แต่ละแบบมีดีไซน์เฉพาะ เพื่อช่วยดึงรสชาติและกลิ่นของเบียร์แต่ละประเภทออกมาได้อย่างโดดเด่น Toszyhouse จะพาคุณไปเปิดโลกของแก้วเบียร์สุดปัง ปลดล็อคประสบการณ์การดื่มเบียร์ให้ฟินกว่าเดิม!

ประเภทของแก้วเบียร์

แก้วเบียร์นั้นมีหลายรูปทรงหลายประเภท การดื่มเบียร์ก็เหมือนกับไวน์ที่ต้องเลือกแก้วให้เหมาะกับชนิดองุ่น แก้วเบียร์แต่ละประเภทได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมกลิ่น รสชาติ และฟองของเบียร์ ให้เหมาะสำกับเบียร์แต่ละสไตล์ตัว ต่อไปนี้คือแก้วเบียร์ 5 แบบที่คุณควรรู้จัก

1. แก้ว Pilsner: แก้วทรงสูงเพรียว มีความจุประมาณ 330-500 มิลลิลิตร เหมาะสำหรับเบียร์สไตล์ลาเกอร์ (Lager) อย่าง Pilsner และ Helles ด้วยรูปทรงที่ช่วยให้ฟองเบียร์อยู่ตัว ทำให้เบียร์เย็นสดชื่น ดื่มง่าย คลายร้อนได้ดี

ทำความรู้จัก 5 แก้วเบียร์ เพื่มอรรถรสในการดื่ม

2.แก้วทรงทิวลิป (Tulip Glass): แก้วทรงดอกทิวลิป มีก้นแก้วสอบแคบ ปากแก้วกว้าง ลักษณะนี้ช่วยกักเก็บกลิ่นหอมของเบียร์ที่มีความซับซ้อน มีอย่างเบียร์สไตล์ Belgian Ale, American Pale Ale และ India Pale Ale ได้ดี เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์แบบ

ทำความรู้จัก 5 แก้วเบียร์ เพื่มอรรถรสในการดื่ม

3.แก้วมัก (Mug): แก้วทรงคลาสสิค มีหูจับหนา ช่วยกันความร้อนจากมือ ทำให้เบียร์เย็นอยู่ได้นาน นิยมใช้กับเบียร์สไตล์ลาเกอร์ (Lager) และ American Pale Ale ข้อดีคือช่วยให้เบียร์เย็นอยู่ได้นาน เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มเบียร์เย็นจัด หรืออยู่ในบรรยากาศร้อนๆ

ทำความรู้จัก 5 แก้วเบียร์ เพื่มอรรถรสในการดื่ม

4.แก้วทรงฟลุต (Snifter Glass): แก้วทรงกลม ก้นเว้า คล้ายแก้วคอนยัค ลักษณะนี้ช่วยให้หมุนแก้วเบาๆ เพื่อสัมผัสกลิ่นหอมของเบียร์ที่มีความเข้มข้น อย่างเบียร์สไตล์ Belgian Strong Ale, Imperial Stout เป็นต้น

ทำความรู้จัก 5 แก้วเบียร์ เพื่มอรรถรสในการดื่ม

5. Nonic Pint : แก้วเบียร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แก้วนี้จะมีรูปทรงเกือบเป็นทรงกระบอกตรงปากแก้วจะมีส่วนโค้งนูนใต้ปากแก้วเล็กน้อย ปากกว้าง ทำให้ได้ฟองที่ดีดื่มอร่อย รักษารสชาติและกลื่นของเบียร์ได้ดี ใช้สำหรับเบียร์สไตล์ Ale และ Stout ของอังกฤษที่มีเนื้อเข้มข้น อเมริกามาตรฐานที่ใช้ในจะอยู่ 16 ออนซ์ สไตล์ลาเกอร์ (Lager) ,Pale Ale และ Pilsner

ทำความรู้จัก 5 แก้วเบียร์ เพื่มอรรถรสในการดื่ม

การเลือกแก้วเบียร์ที่เหมาะสมจะช่วยดึงศักยภาพของเบียร์แต่ละชนิดออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น รสชาติ หรือฟอง ครั้งหน้าเวลาไปร้านอาหาร หรือดื่มเบียร์ที่บ้าน ลองสังเกตและเลือกใช้แก้วที่เหมาะสม คุณจะสัมผัสประสบการณ์การดื่มเบียร์ที่ฟินกว่าเดิม!

เคล็ดลับเพิ่มเติม: เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่มเบียร์ Toszyhouse แนะนำให้คุณลองแช่แก้วในช่องฟิตให้เย็นจัดๆ ก่อนที่จะรินเบียร์ลงไป แช่เบียร์ให้เย็นๆ ไม่ต้องใส่น้ำแข็ง จะช่วยให้เบียร์เย็นอยู่ได้นานขึ้น เหมาะสำหรับการดื่มเบียร์บ้านเรา คุณจะสัมผัสรสชาติเบียร์ที่แท้จริง

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์สุขภาพดี และดื่มอย่างพอประมาณ

บทความแนะนำ

ล้าง Decanter ยังไง

ล้าง Decanter ยังไง ให้สะอาดใสปิ๊ง!

ไวน์หมดแต่ดีแคนเตอร์ยังเลอะ? อย่าเพิ่งปวดหัวไป! มาดูเทคนิคเด็ด ล้างดีdecanter แคนเตอร์ให้อย่างง่าย มือใหม่ก็ทำได้ ล้าง decanter ดีแคนเตอร์ ปัญหาโลกแตกของสายไวน์ decanter คืออะไร Toszy house ได้เขียนบทความไว้แล้วไปตามอ่านได้ การจิบไวน์เพลินๆอย่างมีความสุขแล้ว ถ่ายรูปแก้วคู่กับ decanter สวยๆ ปัญหาชวนปวดหัวต่อมาคือการทำความสะอาด decanter เนื่องด้วยรูปทรงของ decanter แต่ละทรงนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าทรงโถธรรมดาแปรงฟองน้ำยาวๆอาจจะเข้าถึง

แนะนำ : 3 แก้วดื่มเหล้า single malt ที่ควรมีไว้ติดบ้าน

แนะนำ : 3 แก้วดื่มเหล้า single malt ที่ควรมีไว้ติดบ้าน

ในการดื่มไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มประเภท แอลกอฮอล์ หรือ ไม่มีแอลกอฮอล์ก็ตาม แก้วที่ใช้ดื่มนั้นมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะการดื่ม ดื่มเหล้า single malt รูปทรงแก้วแต่ละทรงถูกออกแบบมาให้ถูกแต่ละประเภทแตกต่างกัน วันนี้ Toszy house จะพาทำความรู้จะแก้วที่ควรมีไว้ติดบ้าน สำหรับนักดื่ม เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่ม 1.แก้ว Glencairn แก้วที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับรสและกลิ่นสัมผัสของเหล้า single malt ได้อย่างเต็มที่ สามารถดื่มแบบ neatหรือ drop น้ำ

Sagrantino องุ่นแดง 1 เดียวที่แทนนินมากและฝาดที่สุด

Sagrantino เป็นองุ่นพื้นเมืองของอิตาลี่ มีชื่อเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค Umbria โดยเฉพาะรอบๆ เมือง Montefalco องุ่น Sagrantino ปลูกเฉพาะในภูมิภาคอุมเบรียซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของอิตาลี พื้นที่นี้ซึ่งมีมอนเตฟาลโกเป็นศูนย์กลาง มีภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์โดยมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย เอื้อให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปลูกองุ่นซากรานติโน องค์ประกอบของดินร่วนทรายช่วยให้องุ่นมีความเจริญรุ่งเรือง โดยให้การระบายน้ำที่ดีเยี่ยมและการบำรุงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับองุ่นชนิดนี้ องุ่น Sagrantino มีชื่อเสียงในด้านผิวที่หนา ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษที่ทำให้องุ่นมีสีเข้มและมีแทนนินที่เข้มข้น ผิวที่หนาขององุ่นยังช่วยป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช จึงสามารถปลูกฝังได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ลักษณะที่แข็งแกร่งขององุ่นนั้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวังในระหว่างกระบวนการผลิตไวน์เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดออกมาโดยไม่ทำให้เกิดอาการฝาดมากเกินไป ผู้ผลิตไวน์ใช้กระบวนการผลิตไวน์ที่อ่อนโยนและพิถีพิถันเพื่อแสดงคุณลักษณะเฉพาะขององุ่น Sagrantino

https://www.chateau-mouton-rothschild.com/label-art/discover-the-artwork/chiharu-shiota

ทำความรู้จักฉลากไวน์ Chateau Mouton Rothschild 2021

ความเชื่อมโยงระหว่างมนุษยชาติกับธรรมชาติที่ถูกสร้างสรรค์ลงบนฉลากไวน์ Chateau Mouton Rothschild 2021 โดยศิลปินชาวญี่ปุ่น Chiharu Shiota เมื่อเดือนธันวาคมในปี 2023 ที่ผ่านมากได้มีการเปิดเผยฉลากไวน์ Château Mouton Rothschild ปี 2021ซึ่งถูกออกแบบโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น Chiharu Shiota เธอได้รับรางวัลศิลปินระดับนานๆชาติ โดยภาพที่ออกแบบเธอได้รับด้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงระหว่างผู้คนกับธรรมชาติระหว่างการเยือน Mouton Rothschild รูปภาพแสดงให้เห็นเงาของมนุษย์คนหนึ่งที่มีเชือกเชื่อมโยงกับจำนวนลูกโปร่งคล้ายๆลูกองุ่นสื่อให้เห็นความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ เส้นสีแดงทั้งสี่เส้นในรูป สื่อให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมเป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้งสี่

ไวน์ คือ ความหาย ที่มาและประเภท

ไวน์ คือ ความหาย ที่มาและประเภท

ไวน์ คือเ ครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทหนึ่ง ที่ได้จากการหมักองุ่น โดยใช้ยีสต์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้น้ำตาลในองุ่นเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์และคาร์บอนไดออกไชด์ ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า หลาย1000ปี ได้แพร่หลายไปยังอารยธรรมอื่นๆ ทั่วโลก และกลายเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ไวน์แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามสีของไวน์ ดังนี้ ไวน์แดง ได้จากการหมักองุ่นทั้งเมล็ด เปลือก และเนื้อ ทำให้มีสีแดง ไวน์ขาว ได้จากการหมักองุ่นเพียงอย่างเดียวไม่ได้ใช้เปลือกองุ่นในการผลิต ทำให้มีสีเหลืองอ่อนหรือสีทอง ไวน์โรเซ่ ได้จากการหมักองุ่นเพียงอย่างเดียว แต่หยุดการหมักก่อนเพื่อให้มีสีชมพูอ่อน ไวน์ยังสามารถแบ่งประเภทตามปริมาณแอลกอฮอล์