บรั่นดี คืออะไร

บรั่นดี คืออะไร

เคยสงสัยไหมว่า บรั่นดี (brandy) คืออะไรและมีที่มาอย่างไร?

วันนี้ Toszy house จะมาไขข้อสงสัยให้ทุกท่านได้รู้เกี่ยวกับบรั่นดี

บรั่นดี คือ สุรากลั่นชนิดหนึ่งเหมือนเหล้าทั่วๆไปนั้นละ แต่บรั่นดีเกิดจากการที่ที่นำ น้ำองุ่น หรือ น้ำผลไม้ ชนิดอื่นๆ มาผ่านกระบวนการหมักและกลั่น

บรั่นดี คืออะไร

คำว่า “บรั่นดี” มีที่มาจากภาษา ดัตช์ ว่า “brandewijn” แปลว่า “ไวน์ที่ถูกเผา” (burnt wine) ซึ่งสื่อถึงกระบวนการกลั่นที่ใช้ความร้อนนั่นเอง

การดื่มบรั่นดีแม้จะมีภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา ดูมีอายุ แต่จริงๆ แล้ว บรั่นดีมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่แบบพรีเมี่ยมที่ผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊กเป็นเวลานานจนได้สีสันอันสวยงามและกลิ่นหอมอันซับซ้อน ไปจนถึงบรั่นดีผลไม้ที่ดื่มง่าย ราคาสบายกระเป๋า เข้ากับทุกเพศทุกวัยได้

เอกลักษณ์ของบรั่นดี

บรั่นดีขึ้นชื่อเรื่อง สีสันอันเป็นเอกลักษณ์, กลิ่นหอมที่หลากหลาย, และ รสชาติที่นุ่มนวล ซึ่งก็อยู่ที่การหมักบ่มของบรั่นดีนั้นๆ

บรั่นดี คืออะไร

สีสันอันเป็นเอกลักษณ์

สีของบรั่นดีส่วนใหญ่จะออกไปทาง สีเหลืองทอง ไปจนถึง สีน้ำตาลเข้ม ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการบ่ม บรั่นดีที่ผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊กเป็นเวลานานจะมีสีเข้มกว่า เนื่องจากสารแทนนินจากเนื้อไม้ละลายออกมาผสมกับบรั่นดี

บรั่นดี คืออะไร

กลิ่นหอมอันหลากหลาย

กลิ่นหอมของบรั่นดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

  • ชนิดขององุ่น ที่ใช้ในการผลิต
  • ระยะเวลาในการบ่ม
  • ประเภทของถังไม้โอ๊ก ที่ใช้ในการบ่ม

กลิ่นหอมของบรั่นดีมักจะมีความซับซ้อน

บางกลิ่นอาจจะออกแนวผลไม้แห้ง บางกลิ่นอาจจะหอมหวานเหมือนคาราเมล หรือบางกลิ่นอาจจะมีความเผ็ดร้อนคล้ายกับเครื่องเทศ
รสชาติที่นุ่มนวลรสชาติของบรั่นดีนั้น นุ่มนวล กว่าเหล้าชนิดอื่นๆ เนื่องจากผ่านกระบวนการกลั่นที่ช่วยลดความเผ็ดร้อนของแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ การบ่มในถังไม้โอ๊กยังช่วยเพิ่มรสชาติที่ซับซ้อน ยิ่งบ่มนานยิ่งนุ่ม

บรั่นดี คืออะไร

ประเภทของบรั่นดี

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับบรั่นดีที่ทำจากองุ่น แต่จริงๆ แล้ว บรั่นดียังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

1.บรั่นดีจากองุ่น (Grape Brandy)
2.บรั่นดีผลไม้ (Fruit Brandy)

1.บรั่นดีจากองุ่น

บรั่นดีจากองุ่นถือเป็น บรั่นดีชั้นเลิศ ที่มีราคาสูง องุ่นที่ใช้ในการผลิตบรั่นดีนั้น จะต้องเป็นองุ่นที่มีคุณภาพดี โดยเฉพาะองุ่นที่มีความเป็นกรดสูง เพื่อให้ได้บรั่นดีที่มีรสชาติกลมกล่อม

บรั่นดีจากองุ่นที่ขึ้นชื่อระดับโลก ได้แก่

บรั่นดี คืออะไร
  • คอนยัค (Cognac): บรั่นดีชั้นเลิศจากแคว้นคอนยัค ประเทศฝรั่งเศส ผลิตจากองุ่นพันธุ์เฉพาะ ผ่านกระบวนการกลั่นแบบพิเศษ และต้องบ่มในถังไม้โอ๊กจากป่าลิมูแซ็ง (Limousin) เป็นเวลานาน คอนยัคขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา กลิ่นหอมอันซับซ้อน และรสชาติที่นุ่มนวล
  • อาร์มานยัก (Armagnac): อีกหนึ่งบรั่นดีชั้นเลิศจากแคว้นอาร์มานยัก ประเทศฝรั่งเศส มีกระบวนการผลิตที่คล้ายกับคอนยัค แต่ใช้วิธีการกลั่นแบบง่ายกว่า ทำให้ได้บรั่นดีที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ออกแนวผลไม้สุก และมีความเผ็ดร้อนเล็กน้อย

บรั่นดีผลไม้ เป็นบรั่นดีที่ผลิตจากน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ นอกเหนือจากองุ่น เช่น

บรั่นดี คืออะไร
  • แอปเปิ้ลบรั่นดี (Apple Brandy): มีสีใส หรือสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมของแอปเปิ้ล รสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน ดื่มง่าย
  • เชอร์รี่บรั่นดี (Cherry Brandy): มีสีแดงเข้ม กลิ่นหอมของเชอร์รี่ รสชาติหวาน นิยมนำไปผสมค็อกเทล
  • พลัมบรั่นดี (Plum Brandy): หรือ Slivovitz มีสีใส กลิ่นหอมของพลัม รสชาติเข้ม ออกแนวเผ็ดร้อน

บรั่นดีผลไม้มักจะมีราคาถูกกว่าบรั่นดีจากองุ่น และมักจะนิยมนำไปผสมค็อกเทล

กระบวนการผลิตบรั่นดีก็ยังมีหลายรูปแบบ

ซึ่งการผลิตบรั่นดีเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความพิถีพิถัน โดยทั่วไปแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลักๆ ได้แก่

1.การเก็บเกี่ยวองุ่น

  • การหมัก
  • การกลั่น
  • การบ่ม
  • การเก็บเกี่ยวองุ่น
  • องุ่นที่ใช้ในการผลิตบรั่นดี จะต้องเป็นองุ่นที่มีคุณภาพดี มีปริมาณน้ำตาลสูง และมีความเป็นกรดสูง เมื่อองุ่นสุกงอมได้ที่องุ่นเหล่านี้มักจะเก็บเกี่ยวในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง
บรั่นดี คืออะไร

2.การหมัก

องุ่นที่เก็บเกี่ยวมาแล้วจะถูกนำไปบีบ เพื่อแยกเอาเนื้อ จากนั้น นำเนื้อองุ่นไปหมักกับยีสต์ ในระหว่างกระบวนการหมัก น้ำตาลในองุ่นจะถูกย่อยสลายกลายเป็นแอลกอฮอล์

3.การกลั่น

หลังจากการหมัก จะได้ น้ำองุ่นหมัก (wine) ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 10-15% น้ำองุ่นหมักนี้จะถูกนำไปกลั่นในเครื่องกลั่น เพื่อแยกเอาแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้ได้ บรั่นดีดิบ (eau-de-vie) ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงขึ้น ประมาณ 60-70%

4.การบ่ม

บรั่นดีดิบ จะถูกนำไปบ่มในถังไม้โอ๊ก เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างบรั่นดีกับสารแทนนินในเนื้อไม้โอ๊ก ส่งผลให้สีของบรั่นดีเข้มขึ้น กลิ่นหอมมีความซับซ้อนมากขึ้น และรสชาติมีความนุ่มนวลมากขึ้น หากใครยังไม่รู้ว่าแทนนินคืออะไรอ่านบทความเก่าๆที่toszyhouseได้มีอธิบายไว้แล้ว

ระยะเวลาในการบ่มนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของบรั่นดี โดยทั่วไปแล้ว บรั่นดีชั้นเลิศ จะต้องผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊กเป็นเวลานานหลายปี หรืออาจจะนานถึงหลายสิบปี ยิ่งบ่มนาน สีของบรั่นดีก็จะยิ่งเข้ม กลิ่นหอมก็จะยิ่งซับซ้อน และรสชาติก็จะยิ่งนุ่มนวล

แนะนำวิธีการดื่มบรั่นดี

การดื่มบรั่นดี ก็เหมือนกับการชิมไวน์ ต้องอาศัยศิลปะ และควรดื่มอย่างช้าๆ เพื่อสัมผัสกับรสชาติ และกลิ่นหอมของบรั่นดีได้อย่างเต็มที่
แต่ทั้งนี่ก็แล้วแต่คนชอบไม่มีผิดถูก toszyhouse จะขอแนะนำวิธีที่ทำให้สำผัสรสชาติของบรั่นดีได้อย่างเต็มที่

1.ดื่มเพียว (Neat): เป็นวิธีการดื่มแบบคลาสสิก โดยการ rót (โรท) หรือ swirl (สวิร์ล) บรั่นดีในแก้ว เพื่อให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย จากนั้น ยกขึ้นมาดื่มทีละนิด อมไว้ในปากสักพัก เพื่อสัมผัสกับรสชาติ และกลิ่นหอม ก่อนที่จะกลืนลงไป แก้วที่เหมาะสำหรับการดื่มบรั่นดีแบบเพียว ควรเป็นแก้วทรงลูกบอล ก้นเว้าเล็กน้อย เรียกว่า Snifter (สนิฟเตอร์) แก้วประเภทนี้ ช่วยให้บรั่นดีอุ่นขึ้นเล็กน้อยเพราะมือเราจะไปสัมผัสที่แก้วส่งผลทำให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายได้ดี

บรั่นดี คืออะไร

2.การดื่มแบบ On the Rock คือใช้น้ำแข็งก้อนใหญ่ๆเป็น Clear ice ใส่ในแล้ว Rock ค่อยๆชิบดื่มด่ำกับรสชาติไปเรื่อยๆ น้ำแข็งก้อนใหญ่จะค่อยๆละลาย ทำให้กลิ่นและรสชาติบรั่นดีหอมและอร่อยขึ้น

บรั่นดี คืออะไร

เคล็ดลับ : ก่อนที่จะนำบรั่นดีมาดื่มควรแช่ช่องฟิตให้เย็นจัดๆเพิ่มความฟิน ไม่ต้องกลัวแตกเพราะอะไรตามอ่านได้ที่ Toszy house แต่ถ้าบรั่นดีที่มีราคาแพงไม่แนะนำวิธีนี้

เอาล่ะมาถึงตรงนี้ทุกท่านก็มีความเข้าในเกี่ยวกับบรั่นดีไม่มากก็น้อยติดตามอ่านบทความต่างๆได้ที่ Toszy house

คำเตือน บทความนี้เป็นบทความให้ความรู้ไม่ได้มีเจตนาโฆษณาหรือขายสินค้าแต่อย่างใด

บทความแนะนำ

รวมวิธีเปิดไวน์แบบฉุกเฉิน เมื่อไม่มีที่เปิดขวด

รวมวิธีเปิดไวน์แบบฉุกเฉิน เมื่อไม่มีที่เปิดขวด

เคยไหม อยากจิบไวน์สักแก้ว แต่ดันหาที่เปิดขวดไม่เจอ! วันนี้เรามี 5 วิธีเปิดไวน์แบบฉุกเฉินมาแนะนำ รับรองว่าเปิดขวดได้แน่ แม้จะไร้ที่เปิดขวดก็ตาม! 5 วิธีเปิดไวน์แบบฉุกเฉิน 1.ใช้สกรูกับค้อน หาสกรูตัวใหญ่ที่มีความแข็งแรง ขนาดพอดีกับจุกไวน์ค่อยๆ ขันสกรูลงไปในจุกไวน์ให้ลึกพอประมาณใช้ค้อนค่อยๆ งัดสกรูขึ้นมา แรงดันจากสกรูจะทำให้จุกไวน์ค่อยๆ ดันตัวขึ้นมาระวังอย่าให้สกรูทะลุจุกไวน์จนเศษไม้ร่วงลงไปในไวน์ 2. ใช้กุญแจ เลือกกุญแจที่มีฟันแข็งแรงคล้ายฟันเลื่อยสอดฟันกุญแจลงไประหว่างจุกไวน์กับปากขวดค่อยๆ บิดกุญแจไปมา ให้ฟันกุญแจค่อยๆ ดันจุกไวน์ขึ้นมาอาจต้องใช้แรงและใช้เวลาสักหน่อย แต่รับรองว่าเปิดได้แน่นอน 3.

ไวน์หนึ่งขวดนั้นจะรินไวน์ได้ประมาณกี่แก้ว

เคยสงสัยมั้ยว่าไวน์หนึ่งขวดนั้นจะรินไวน์ได้ประมาณกี่แก้ว

ไวน์หนึ่งขวดนั้นจะรินไวน์ได้ประมาณกี่แก้วจะรินขวดมาตราฐานจะมีปริมาณ 750ml การเสริฟไวน์ตามมาตราฐาน อ้างอิงจากหนังสือ Wine Folly นั้นคือแก้วละ 5 ออน หรือ 150ml ดังนั้นไวน์หนึ่งขวดจะสามารถรินได้ 5 แก้วนั้นเอง ซึ่งการรินปริมาณครั้งละ 150ml จะทำให้ระดับน้ำไวน์อยู่จุดที่เกือบจะถึงจุดที่กว้างที่สุดของแก้วทุกทรงที่เป็นขนาดทรงมาตราฐานนะเป็นจุดที่พอดีไม่มากไม่น้อย Toszy house มีทริคเล็กๆคือให้รินไวน์ถึงจุดที่เกือบจะกว้างที่สุดของแก้วแล้วคุณจะได้ปริมาณราวๆ150ml แต่นี้ก็เป็นเพียงมาตราฐานเท่านั้น จริงๆ ไม่มีอะไรตายตัว ขึ้นอยู่กับ ขนาด

ไขข้อข้องใจ ไวน์เปิดแล้ว เก็บได้กี่วัน? พร้อมเคล็ดลับยืดอายุไวน์ให้สดใหม่

ไขข้อข้องใจ ไวน์เปิดแล้ว เก็บได้กี่วัน? พร้อมเคล็ดลับยืดอายุไวน์ให้สดใหม่ เปิดไวน์แล้วดื่มไม่หมด เก็บต่อได้นานแค่ไหน? มารู้คำตอบ พร้อมวิธีเก็บรักษาไวน์ที่ถูกวิธี ดื่มด่ำรสชาติได้เต็มที่ ไม่เสียของ! ไวน์เปิดแล้ว เก็บได้กี่วัน? ปัจจัยที่มีผลต่ออายุไวน์หลังเปิด ไวน์เปิดแล้ว เก็บได้กี่วัน? ไขข้อข้องใจคนรักไวน์ ไวน์แต่ละชนิดมีความทนทานต่อออกซิเจนแตกต่างกัน ดังนั้นระยะเวลาการเก็บรักษาหลังเปิดขวดก็ไม่เท่ากัน โดยแบ่งคร่าวๆ ได้ดังนี้ วิธีเก็บรักษาไวน์ที่เปิดแล้ว เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติของไวน์หลังเปิดขวด ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดูสิ เคล็ดลับยืดอายุไวน์ให้สดใหม่ นอกจากวิธีเก็บรักษาขั้นพื้นฐาน

ไวน์ฝาด

ไขข้อสงสัย ทำไมไวน์ฝาด มารู้จักสารที่อยู่ในไวน์ที่ทำให้ฝาดกัน

ทำไมไวน์มีรสฝาดเพราะสารประกอบที่เรียกว่า แทนนิน (Tannin) แทนนินเป็นสารประกอบที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น เปลือกไม้ ใบไม้ เมล็ดพืช และผลไม้ แทนนินมีคุณสมบัติทำให้รู้สึกฝาด ขม และแห้งในปาก แทนนินในไวน์มีประโยชน์หลายประการ เช่น Share this… Facebook Line Twitter Pinterest

ทำความรู้จักกับองุ่น Tempranillo ราชาแห่งองุ่นแดงของสเปน

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับองุ่น Tempranillo ให้มากขึ้น เรียนรู้ถึงที่มา ลักษณะเฉพาะตัว และไวน์ชั้นเยี่ยมที่ผลิตจากองุ่นชนิดนี้กัน ความหมายของชื่อ Tempranillo ชื่อ Tempranillo นั้นแปลมาจากภาษาสเปน คือคำว่า “temprano” ซึ่งแปลว่า  Early หรือ เร็ว ชื่อนี้สื่อถึงลักษณะเด่นขององุ่นสายพันธุ์นี้ ซึ่งก็คือการสุกงอมเร็วกว่าองุ่นสายพันธุ์อื่น ๆ ในสเปน องุ่น Tempranillo มักเก็บเกี่ยวได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม ในขณะที่องุ่นสายพันธุ์อื่น