เสียงแก้วกระทบโต๊ะและกลิ่นหอมอันเย้ายวนใจของวิสกี้ชั้นเลิศถือเป็นเสน่ห์ดึงดูดอันไม่อาจปฏิเสธได้ แต่รู้หรือไม่ว่าแก้วที่เราใช้ดื่มวิสกี้นั้นส่งผลต่อประสบการณ์การดื่มไม่น้อยเลย โดยเฉพาะ แก้ว Glencairn แก้วทรงเอกลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อวิสกี้โดยเฉพาะ
สำหรับนักดื่มวิสกี้ตัวจริงโดยเฉพาะ single malt นั้นจะต้องรู้จักกับแก้ว Glencairn ซึ่งแก้วนี้จะดึงเอารสชาติให้สัมผัสกลิ่นและรสชาติเครื่องดื่มได้ดีมาก Toszyhouse จะมาพาทำความรู้จักกับแก้วนี้กัน
ประวัติศาสตร์ของแก้ว Glencairn
แก้ววิสกี้ Glencairn เป็นแก้วสไตล์หนึ่งสำหรับดื่มวิสกี้ ซึ่งพัฒนาและผลิตโดย Glencairn Crystal Ltd ในEast Kilbrideเมืองใกล้กับ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ตั้งแต่ปี 1981 ออกแบบโดย Raymond Davidson โดยความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญวิสกี้ชั้นนำของสกอตแลนด์ แรงบันดาลใจในการออกแบบแก้ว Glencairn มาจากแก้วค็อกเทล Copita ที่มีก้นทรงกลม ปากแคบ และลำตัวโค้งมน ซึ่งดีไซน์นี้เหมาะกับการดึงกลิ่นและรสชาติของเครื่องดื่มออกมาได้อย่างเต็มที่
แก้ว Glencairn ทำจากอะไร?
วัสดุที่ใช้ผลิตคือ คลิสตัลเสียงใสดังกังวาน ใต้ฐานยิงเลเซอร์คำว่า Glencairn
แก้ว Glencairn มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ
- ฐานก้นทรงกลม: ช่วยให้หมุนแก้วได้สะดวกเพื่อปล่อยกลิ่นหอมของวิสกี้
- ลำตัวโค้งมน: ช่วยให้กลิ่นหอมมุ่งขึ้นสู่จมูกของผู้ดื่ม
- ปากแก้วแคบ: ช่วยให้ควบคุมปริมาณวิสกี้ที่ดื่มในแต่ละครั้ง และช่วยให้กลิ่นหอมไม่ฟุ้งกระจาย
ดีไซน์อันชาญฉลาดนี้ทำให้แก้ว Glencairn สามารถดึงกลิ่นและรสชาติของวิสกี้ได้ดีกว่าแก้วแบบอื่นๆ เช่น แก้วร็อก (Rock Glass) ที่มีปากแก้วกว้าง ทำให้กลิ่นหอมระเหยออกไปได้ง่าย หรือแก้วช็อต (Shot Glass) ที่มีขนาดเล็ก ทำให้สัมผัสรสชาติของวิสกี้ได้ไม่เต็มที่
การใช้แก้ว Glencairn ไม่ใช่แค่การดื่มวิสกี้ธรรมดา มันจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่ม โดยมีเทคนิคสำคัญดังนี้
- การถือแก้ว: ควรจับที่ก้านแก้วด้านล่าง เพื่อป้องกันความร้อนจากมือส่งผลต่ออุณหภูมิวิสกี้ นึกภาพเหมือนการถือแก้วไวน์ (Wine Glass) เพราะอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นเพียงเล็กน้อยสามารถเปลี่ยนแปลงกลิ่นและรสชาติของวิสกี้ได้ วิสกี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Single Malt Scotch Whisky มักจะดื่มกันที่อุณหภูมิห้อง การสัมผัสโดยตรงจากมืออาจทำให้วิสกี้ร้อนขึ้น ส่งผลให้แอลกอฮอล์ระเหยออกมาเด่นชัด กลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนของวิสกี้จางหายไป
- การหมุนแก้ว: หมุนแก้วเบาๆ เพื่อให้วิสกี้เคลือบไปทั่วบริเวณภายในแก้ว การหมุนนี้คล้ายกับการเติมอากาศให้กับไวน์ (Aerate) ช่วยปล่อยกลิ่นหอมต่างๆ ของวิสกี้ให้ออกมา เปรียบเหมือนการปลุกปล่อยดอกไม้ที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังกลิ่นแอลกอฮอล์ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีวิสกี้ จากเดิมที่อาจเป็นสีเหลืองทอง เมื่อหมุนแล้ว อาจปรากฏเป็นสีส้มอมแดงหรือสีทองอมเขียว ขึ้นอยู่กับชนิดและอายุของวิสกี้
- การจิบวิสกี้: จิบวิสกี้ช้าๆ อมไว้ในปากสักครู่เพื่อสัมผัสรสชาติอย่างเต็มที่ ลองกลั้นใจสั้นๆ ขณะอมวิสกี้ กลิ่นหอมจะลอยขึ้นไปสัมผัสกับปลายประสาทรับกลิ่นด้านบนของโพรงจมูก ช่วยให้รับรู้มิติของกลิ่นได้ดียิ่งขึ้น จากนั้น ค่อยๆ ปล่อยวิสกี้ไหลผ่านลิ้น สัมผัสรสชาติที่แตกต่างกันตั้งแต่ปลายลิ้น กลางลิ้น และโคนลิ้น วิสกี้ที่ดีจะมีรสชาติที่ซับซ้อน บางคนอาจรู้สึกถึงความหวาน ความเผ็ดร้อน หรือแม้กระทั่งกลิ่นควัน ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตและแหล่งที่มาของวิสกี้
- แนะนำเทคนิคของ Toszyhouse สำหรับการดื่มโดยใช้แก้ว Glencairn หมุนแก้วแล้วค่อยๆสังเกตสีและการไหลของเครื่องดื่มด้วยตา จากนั้น ดมสัมผัสกลิ่นแล้วยกเข้าปากอย่างช้าๆ ตามด้วยเคี้ยวเหมือนกำลังกินข้าว พร้อมกับดมเหล้าในแก้วไปด้วย คุณจะสำผัสกลิ่นและรสชาติของวิสกี้ได้เต็มที่ ถ้าอยากได้กลิ่นที่ชัดขึ้นลองใช้วิธีดรอปน้ำแร่ลงไปสักเล็กน้อย เป็นหนึ่งในการดื่ม single malt ที่ดีอีกหนึ่งวิธี ทำให้สัมผัสกิล่นได้มากขึ้น รสชาตินุ่มนวล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลดื่มว่าชอบแบบไหนไม่มีผิดถูก
สำหรับแก้ว Glencairn ทาง toszy house ก็มีบริการให้กับลูกค้าที่มาดื่มวิสกี้โดยเฉพาะ single malt เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญในการใช้แก้ว แก้วที่ดีก็ส่งผลดีต่อรสชาติและกลิ่น สำหรับวันนี้ลากันไปเพียงเท่านี้